นิทรรศการ

TH 16

นิทรรศการถาวรจากอดีตสู่ปัจจุบัน
รูปแบบของการจัดแสดงภายในอาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ ที่เรียกว่า “นิทรรศการถาวร” จากอดีตสู่ปัจจุบัน มีพัฒนาการ ดังนี้

พุทธศักราช 2516 ก่อนพุทธศักราช 2539
การจัดแสดงแบ่งได้ 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 และส่วนที่ 2 บริเวณอาคารชั้นล่าง และส่วนที่ 3 บริเวณอาคารชั้นบน
ส่วนที่ 1 จัดแสดงเรื่องโบราณคดีและประวัติศาสดตร์ศิลปะอันเป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมในดินแดนประเทศไทย พร้อมตัวอย่างโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ตามลำดับ อายุสมัยและรูปแบบศิลปะ ได้แก่ ยุคก่อนประวัติศาสตร์ สมัยประวัติศาสตร์ ประกอบด้วยศิลปะทวารวดี ศิลปะศรีวิชัย ศิลปะลพบุรี ศิลปะเชียงแสนหรือล้านนา ศิลปะสุโขทัย ศิลปะอู่ทอง ศิลปะอยุธยา และศิลปะรัตนโกสินทร์ ซึ่งส่วนใหญ่ย้ายมาจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพมหานคร
ส่วนที่ 2 เน้นความสำคัญทางโบราณคดีและประวัติศาสตร์ศิลปะในภาคเหนือ จึงได้แสดงประติมากรรมสกุลช่างภาคเหนือเป็นพิเศษซึ่งส่วนใหญ่เป็นพระพุทธรูปพระพิมพ์และเครื่องพระพุทธบูชา มีทั้งทำด้วยดินเผา สำริด หินและโลหะมีค่า ได้แก่สกุลช่างหริภุญไชย สกุลช่างเชียงแสนหรือล้านนา สกุลช่างพะเยา รวมทั้งงานประณีตศิลป์ เช่น ไม้จำหลัก (ไม้แกะสลักลาย) ตู้พระธรรม รอยพระพุทธบาทประดับมุก เครื่องถ้วยจากแหล่งเตาเผาโบราณ อาทิ เตาเวียงกาหลง เตาสันกำแพง เตาพาน และเตาวังเหนือ เป็นต้น
ส่วนที่ 3 จัดแสดงศิลปะพื้นบ้านและวัตถุทางชาติพันธุ์วิทยา เช่น ศิลปวัตถุของเจ้านายฝ่ายเหนือ และเครื่องมือเครื่องใช้ที่แสดงวัฒนธรรม และชีวิตความเป็นอยู่ของคน เมืองเหนือที่เรียกว่า "ไทยวน" และกลุ่มชาติพันธุ์บางกลุ่ม อาทิ เครื่องมือทำนา เครื่องมือจับสัตว์ เครื่องครัว เครื่องทอผ้า ผ้าและการแต่งกาย เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงกลางแจ้งภายนอกอาคาร คือ เตาเผาเครื่องถ้วย แหล่งเตาวังเหนือ อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง และเตาเผาเครื่องถ้วยแหล่งเตาพาน (โป่งแดง) อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย

พุทธศักราช 2542 ถึง ก่อนพุทธศักราช 2556
ช่วงพุทธศักราช 2539 - 2542 การจัดแสดงนิทรรศการถาวรพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ ได้รับการซ่อมแซม ปรับปรุง และเพิ่มเติมเนื้อหาสาระวิชาการให้หลากหลายสาขายิ่งขึ้นในลักษณะของพิพิธภัณฑสถานประจำเมือง / จังหวัด / ภูมิภาค โดยเน้นความสำคัญของอาณาจักรล้านนาและนครเชียงใหม่ รวมทั้งความเป็นเอกลักษณ์ / อัตลักษณ์ของวัฒนธรรมภาคเหนือ โดยแบ่งการจัดแสดงออกเป็น 6 ส่วน ได้แก่ อาคารชั้นล่าง จัดแสดงส่วนที่ 1 - 3 และอาคารชั้นบนจัดแสดงส่วนที่ 4 - 6
ส่วนที่ 1 แสดงภูมิหลังแผ่นดินล้านนาเป็นเรื่องราวทางธรณีวิทยา และชีวิตดึกดำบรรพ์ ภูมิประเทศและสภาพแวดล้อมภาคเหนือ การตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ รวมไปถึงเรื่องราวของชนเผ่าลัวะ และหริภุญไชย รัฐแรกในภาคเหนือ
ส่วนที่ 2 แสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์อาณาจักรล้านนา เริ่มจากการสถาปนานครเชียงใหม่ ความรุ่งเรืองและความเสื่อมของอาณาจักร
ส่วนที่ 3 แสดงเรื่องราวของนครเชียงใหม่ใต้ร่มอาณาจักรสยามตั้งแต่การกอบกู้เอกราชจากพม่า การตั้งเมืองเชียงใหม่ตั้งแต่พุทธศักราช 2339 และความสัมพันธ์กับอาณาจักรสยาม
ส่วนที่ 4 แสดงเรื่องการค้า และเศรษฐกิจระยะแรก ระหว่างพุทธศักราช 2339 - 2463 และระยะที่สอง ระหว่างพุทธศักราช 2467 - 2482 เมื่อมีการก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายเหนือ
ส่วนที่ 5 แสดงเรื่องราวการดำรงชีวิตและพัฒนาการทางสังคม เช่น การเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม การเงินการธนาคาร ความสัมพันธ์กับต่างประเทศ รวมถึงการศึกษาและการสาธารณสุข
ส่วนที่ 6 แสดงถึงวิวัฒนาการของศิลปกรรมล้านนา และศิลปกรรมในประเทศไทย
นอกจากแผนที่ แผนผัง แผนภูมิ ภาพถ่าย ป้ายคำบรรยายและป้ายคำอธิบายวัตถุที่ใช้เป็นสื่อจัดแสดงระหว่างพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ และผู้เข้าชมแล้ว การปรับปรุงนิทรรศการถาวรครั้งนี้ ยังได้เพิ่มเติมและเทคนิคและสื่อการจัดแสดงหลากหลายยิ่งขึ้น เช่น การจำลองหลุดขุดค้นทางโบราณคดี ภาพเขียนเล่าเรื่อง ภาพเขียนประกอบหุ่นจำลองบุคคลและเหตุการณ์สำคัญพร้อมเสียงบรรยายภาษาไทยและภาษาอังกฤษ การใช้ตู้จัดแสดงภาพโปร่งแสงขนาดใหญ่ การแสดงเรื่องราวและข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับนิทรรศการผ่านระบบคอมพิวเตอร์แบบสัมผัสหน้าจอ

พุทธศักราช 2560 ปัจจุบัน
ช่วงพุทธศักราช 2556 - 2559 มีการปรับปรุงนิทรรศการถาวรพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ ทั้งหมดอีกครั้งโดยเพิ่มเติมรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับองค์ความรู้ด้านโบราณคดี ประวัติศาสตร์ และศิลปกรรมของล้านนาเพื่อให้สอดคล้องเท่าทันความก้าวหน้าทางวิชาการปัจจุบัน ส่วนจดแสดงเดิมที่เกี่ยวกับภูมิศาสตร์ ธรณีวิทยาและชาติพันธุ์วิทยา ถูกลดระดับความสำคัญลงไป เนื่องจากมีพิพิธภัณฑสถานเฉพาะสาขาวิชาดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก และเพื่อพัฒนาให้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ เป็นแหล่งเรียนรู้ศูนย์กลางการศึกษา อนุรักษ์ และให้บริการข้อมูลมรดกศิลปวัฒนธรรมของจังหวัดเชียงใหม่ และภาคเหนือตอนบนอย่างชัดเจน
การปรับปรุงนิทรรศการครั้งใหม่นี้ เน้นความงามของโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุโดยให้ความสำคัญกับการออกแบบครุภัณฑ์ เช่น ตู้ ชั้น แท่นฐาน และแผงจัดแสดง การใช้สี การจัดวาง และการจัดแสง และเพิ่มการให้บริการข้อมูลนำชมพิพิธภัณฑสถาน และข้อมูลรายละเอียดของโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ที่จัดแสดงด้วยสื่อมัลติมีเดีย และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศทันสมัย เช่น ระบบ QR/AR CODE ระบบไดโอรามาจำลองภาพสามมิติ พิพิธภัณฑ์เสมือนจริง (Virtual Museum)
นิทรรศการที่ปรับปรุงใหม่ครั้งนี้ ประกอบด้วย ส่วนจัดแสดงทั้งหมด 16 ห้อง
อาคารชั้นบน จำนวน 8 ห้อง จัดแสดงเรื่องราวการอยู่อาศัยของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่สำรวจศึกษาและขุดค้นพบในเขตพื้นที่ ภาคเหนือตอนบนกว่า 100 แหล่ง ที่สำคัญ อาทิ ในอำเภอแม่ทะ แหล่งประตูผา อำเภอแม่เมาะ จังหวัดเชียงใหม่ บ้านวังไฮ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน เป็นต้น
สมัยประวัติศาสตร์ล้านนาเริ่มจากการปรากฏของแคว้นหริภุญไชย ศูนย์กลางของพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทในแอ่งที่ราบเชียงใหม่ - ลำพูน ประมาณพุทธศตวรรษที่ 16 - 18 จนกระทั่งพญามังรายแห่งแคว้นโยนกจากแอ่งที่ราบเชียงราย - เชียงแสน ขยายอำนาจมาผนวกเอาพื้นที่ทั้งสองเข้าด้วยกัน แล้วจึงสถาปนา "นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ หรือเวียงพิงค์" เป็นราชธานีของอาณาจักรล้านนา มีกษัตริย์ปกครองรวม 18 พระองค์ (พุทธศักราช 1839 - 2101) ซึ่งการจัดแสดงส่วนนี้เน้นเรื่องคติความเชื่อและความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาในดินแดนล้านนา จากนั้นได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของพม่านานกว่า 200 ปี เมื่อนครเชียงใหม่ฟื้นตัวด้วยความสัมพันธ์กับอาณาจักรสยาม แม้เป็นเมืองประเทศราชหรือหัวเมืองฝ่ายเหนือของสยาม แต่มีอิสระในการปกครองโดยมีเจ้าผู้ครองนครจำนวน 9 องค์ เมื่อประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจึงมีสถานะเป็นจังหวัดเชียงใหม่ตั้งแต่พุทธศักราช 2476 เป็นต้นมา
อนึ่ง ส่วนจัดแสดงภายในอาคารชั้นบนนี้ เป็นการนำผู้เข้าชมย้อนอดีตพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของดินแดนล้านนาจากสมัยรัตนโกสินทร์สมัยล้านนา สมัยหริภุญไชย เข้าไปสู่ยุคก่อนประวัติศาสตร์

ส่วนจัดแสดงชั้นบน จำนวน 8 ห้อง ประกอบด้วย

คติความเชื่อทางพระพุทธศาสนา

TH 01

พระพุทธศาสนาในอาณาจักรล้านนา

TH 02

ล้านนาสมัยรัตนโกสินทร์

TH 03

สมัยประวัติศาสตร์ในภาคเหนือ

TH 04

อาณาจักรล้านนา

TH 05

ล้านนาภายใต้การปกครองของพม่า

TH 06

ยุคก่อนประวัติศาสตร์ในภาคเหนือ

TH 07

ความสัมพันธ์ระหว่างเชียงใหม่และราชสำนักสยาม
อาคารชั้นล่าง จำนวน 8 ห้อง จัดแสดงเรื่องราวและหลักฐานทางศิลปกรรมที่สะท้อนถึงความเจริญรุ่งเรืองด้านพุทธศิลป์ของล้านนา ประกอบด้วยพัฒนาการของพระพุทธรูป 4 ระยะ ได้แก่ การได้รับอิทธิพลจากศิลปะหริภุญไชย ศิลปะอินเดียแบบปาละ และศิลปะพม่าแบบพุกามในพุทธศตวรรษที่ 19 การได้รับอิทธิพลจากศิลปะสุโขทัยในพุทธศตวรรษที่ 20 ลักษณะเฉพาะของศิลปะล้านนาในพุทธศตวรรษที่ 21 และหลังจากปลายพุทธศตวรรษที่ 21 โบราณวัตถุที่สำคัญโดดเด่น เช่น เศียรพระพุทธรูปสำริด ขนาดสูง 182 เซนติเมตร ที่เรียกว่า “พระแสนแซว่” เครื่องพุทธบูชาจำลองที่พบในเขตอำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนจะสร้างเขื่อนภูมิพล พระพิมพ์ เครื่องพุทธบูชา และเครื่องสักการะในพระพุทธศาสนาซึ่งส่วนใหญ่เป็นไม้แกะสลักอายุราวพุทธศตวรรษที่ 24-25
นอกจากนี้ ยังจัดแสดงเครื่องถ้วยที่พบจากแหล่งเตา แหล่งโบราณคดีและจากโบราณสถาน ทั้งเครื่องถ้วยล้านนา เครื่องถ้วยสุโขทัย และเครื่องถ้วยต่างประเทศอย่างจีน เวียดนาม สะท้อนถึงการติดต่อระหว่างล้านนากับบ้านเมืองอื่น ๆ จิตรกรรมล้านนาโดยเฉพาะภายในวิหารตามวัดต่าง ๆ และยังคงจัดแสดงศิลปะในประเทศไทยเพื่อให้ผู้สนใจโดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา ได้ใช้ศึกษาเปรียบเทียบกับศิลปะล้านนา

ส่วนจัดแสดงชั้นล่าง จำนวน 8 ห้อง ประกอบด้วย

พัฒนาการพระพุทธรูปศิลปะล้านนา

TH 08

พระแสนแซว่

TH 09

พระพิมพ์ล้านนา

TH 10

เครื่องพุทธบูชา และเครื่องสักการะในพระพุทธศาสนา

TH 11

โบราณวัตถุพบที่อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่

TH 12

เครื่องถ้วยล้านนา

TH 13

จิตรกรรมล้านนา

TH 14

ศิลปะในประเทศไทย

TH 15